ต้นพลับพลึง
ชื่อวงศ์: Amarylidaceae
ชื่อสามัญ: Crinum Lily, Veldlily
ชื่อพื้นเมือง: ลิลัว
ลักษณะทั่วไป:
ต้น เป็นพืชล้มลุกหลายฤดู มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวกลม ส่วนที่โผล่พ้นดินเป็นกายใบอัดกันแน่น
ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงซ้อนเป็นวงกว้าง 7-15 ซม. ยาว 1 เมตร ปลายใบแหลม แผ่นใบอวบหนา มีหน่อจำนวนมากขึ้นรวมกันเป็นกอ แผ่นใบเป็นมันเรียบ ลักษณะแคบ เรียวยาว เรียงเวียนรอบ แกนลำต้น ออกดอกเป็นช่อ มีก้านช่อดอกยาว
ดอก ช่อดอกขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายปากแตร ผลค่อนข้างกลม มีสีขาวหรือม่วงแดง ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง มีดอกย่อยจำนวนมาก 10-30 ดอก ก้านช่อดอกอวบใหญ่ กลีบดอกตอนโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ยาว 7-10 ซม. ปลายแยกเป็น 6 กลีบแคบๆ กว้าง 1 ซม. ยาว 7 ซม. ดอกทยอยบาน มีกลิ่นหอม พลับพลึงดอกสีแดงจะมีช่อดอกและดอกใหญ่กว่าพลับพลึงดอกสีขาว
ฝัก/ผล ค่อนข้างกลม
การปลูก: นิยมปลูกกันตามร่องสวนในภาคกลางทั่วไป
การดูแลรักษา: ชอบขึ้นในดินที่ชื้นสามารถทนอยู่ในดินแฉะที่ไม่ค่อยระบายน้ำหรือในบริเวณที่แห้งแล้งในบางช่วงได้
การขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด แยกหน่อ
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ดอก กลิ่นหอม
การใช้ประโยชน์:
- ไม้ประดับ
- ต้นที่มีขนาดใหญ่ใช้ในการแกะสลักเพื่อตกแต่งในงานพิธีต่างๆ
- สมุนไพร
ถิ่นกำเนิด: ทวีปเอเซีย
สรรพคุณทางยา:
- หัว ใช้ต้เอาน้ำรับประทานทำให้อาเจียนเป็นเสมหะ ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง เป็นยาระบาย รักษาโรคเกี่ยวกับ น้ำดี โรคเกี่ยวกับปัสสาวะ
- ใบ ใช้ลนไฟพอนิ่ม พัแก้เคล็ดบวม แพลง ขัดยอก ใช้ตำปิดศรีษะ แก้ปวดศีรษะ ลด อาการไข้ ใช้ต้มดื่มทำให้อาเจียน
- ราก ใช้ตำพอกแผล ใช้เคี้ยวกลืนแต่น้ำทำให้อาเจียน ใช้รักษาพิษยางน่อง
- เมล็ด ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน เป็นยาระบาย เป็นยาบำรุง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น